ศาสนาและการพัฒนาวิญญาณ <
ความคิดเกี่ยวกับวิญญาณ < | การพัฒนาของวิญญาณก่อนและหลังความตาย |  สวรรค์และนรก |  บทบาทของศาสนาบาไฮในชีวิตส่วนบุคคลและสังคม |  บทบาทของศาสนาบาไฮที่มีต่อชีวิตส่วนบุคคลและชุมชน |  บทบาททางด้านจิตวิทยาของศาสนาบาไฮในชีวิตส่วนบุคคล | 
สัญลักษณ์ที่ใช้ในศาสนาบาไฮ <
 
 
ศาสนาและการพัฒนาวิญญาณ
 
คำสอนของบาไฮบอกว่า  มนุษย์มีธรรมชาติ  ๒  ลักษณะ  คือธรรมชาติฝ่ายสูง และ ธรรมชาติฝ่ายต่ำ    ธรรมชาติฝ่ายสูงของเราจะแสดงความรัก  ความปรานี  ความเมตตา ความจริง และความยุติธรรม   ธรรมชาติฝ่ายต่ำของเราแสดงความหลอกลวง  ความโหด ร้ายและความอยุติธรรม
เมื่อใครก็ตามหันมาหาพระผู้เป็นเจ้า แล้วปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์   ซึ่งเป็น การเปลี่ยนแปลง  และพัฒนาวิญญาณโดยบรรลุคุณธรรมต่าง ๆ    เขาคนนั้นก็จะเข้าใกล้ พระผู้เป็นเจ้ายิ่งขึ้น ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า   เมื่อมนุษย์ยอมรับว่า เขาจำเป็นต้องปฏิบัติ ตามพระผู้เป็นเจ้า เมื่อหนทางแห่งการเข้าใกล้พระองค์จะเปิดออก ความรักที่มีต่อพระผู้ เป็นเจ้า ความใกล้ชิดและการเชื่อฟังพระองค์จะนำไปสู่ความสุขนิรันดร์ในชีวิตนี้ และภาย หลังความตาย นี้คือสิ่งที่บาไฮถือว่าเป็น "ความรอดพ้น"
 
ความคิดเกี่ยวกับวิญญาณ
ในธรรมนิพนธ์ของพระบาฮาอุลลาห์   พระองค์บอกว่า ในฐานะที่เป็นมนุษย์ เราไม่ สามารถเข้าใจวิญญาณของมนุษย์ได้ถ่องแท้    พระองค์กล่าวว่า  " จงรู้ไว้  วิญญาณ คือ สัญลักษณ์หนึ่งของพระผู้เป็นเจ้า คือ มณีสวรรค์ ที่มนุษย์ที่รอบรู้ที่สุดก็ไม่สามารถเข้าใจ ความลับของวิญญาณนั้น ปัญญาที่เฉียบแหลมเพียงไรก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ วิญญาณ เป็นสิ่งแรกในสรรพสิ่งทั้งปวง ที่ประกาศความสมบูรณ์เลิศของพระผู้สร้าง ยอมรับความ รุ่งโรจน์ของพระองค์   ยึดมั่นอยู่กับสัจธรรมของพระองค์  และหมอบบูชาพระองค์   หาก วิญญาณซื่อสัตย์ต่อพระผู้เป็นเจ้าวิญญาณนั้นจะสะท้อนความสว่างของพระองค์และกลับ ไปหาพระองค์ในที่สุด  แต่ถ้าวิญญาณไม่จงรักภักดีต่อผู้สร้างของตน   วิญญาณจะกลาย เป็นเหยื่อของอัตตาและกิเลส และจะจมอยู่ในนั้นในที่สุด"
พระอับดุลบาฮาบอกว่า   วิญญาณ   คือ   จิตสำนึกที่จะช่วยเราค้นพบ  และไต่สวน สิ่งต่าง ๆ เท่าที่ความสามารถของมนุษย์จะทำได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะคุ้นเคยกับความ ลับสวรรค์ เราจำเป็นต้องมีพลังความศรัทธาด้วย
ปัญญา คือ พลังของวิญญาณ ตัวอย่างเช่น วิญญาณเป็นเสมือนกระจก ซึ่งเมื่อหัน ไปหาดวงอาทิตย์ ก็จะสะท้อนแสง    เมื่อวิญญาณหันไปหาพระผู้เป็นเจ้า  และพระศาสดา ของพระองค์     วิญญาณก็จะสะท้อนความรู้   คุณลักษณะ  และคุณธรรมต่าง ๆ   ของพระ ศาสดา  การแสดงออกและการสะท้อนนี้ประกอบกันขึ้นเป็นปัญญา   พระอับดุลบาฮากล่าว ว่า "วิญญาณคือตะเกียง และปัญญาคือแสงที่ส่องมาจากตะเกียง"
พระบาฮาอุลลาห์ทรงบอกว่า   วิญญาณของมนุษย์ได้กำเนิดขึ้นในวินาทีของการตั้ง ครรภ์  วิญญาณมาจากพระผู้เป็นเจ้าและภายหลังความตาย  วิญญาณจะพัฒนาจนกระทั่ง กลับไปสู่พระผู้เป็นเจ้า พระอับดุลดุลบาฮากล่าวว่า
" วิญญาณปฎิบัติการในโลกกายภาพ   ด้วยความช่วยเหลือของร่างกาย   เมื่อวิญ ญาณจากร่างกาย  วิญญาณปฎิบัติการโดยไม่ใช้สื่อกลาง...."  " ร่างกาย คือม้า วิญญาณ คือคนขี่ม้า  บางครั้งคนขี่ม้าเดินทางโดยไม่ต้องขี่ม้า  แต่ผู้ที่ไม่ไตร่ตรองกล่าวว่า   เมื่อ วิญญาณจากร่างกายไปแล้ว วิญญาณไม่สามารถปฏิบัติการได้ วิญญาณไม่มีรูปกาย  จง ไตร่ตรองเรื่องนี้"
ท่านศาสนภิบาลเขียนไว้ว่า   เมื่อร่างกายของเราตายไป   วิญญาณจะแยกจากร่าง กาย และเดินทางผ่านไปอีกหลายภพซึ่งเป็นภพแห่งวิญญาณ   " เท่าที่เรารู้คือ จิตสำนึก และบุคลิกภาพของเราจะคงอยู่ในสภาวะใหม่ และในโลกหน้าดีกว่าโลกนี้มาก...."

การพัฒนาของวิญญาณก่อนและหลังความตาย
พระอับดุลบาฮาทรงเปรียบเทียบการพัฒนาของวิญญาณ  ว่าเป็นเสมือนตัวอ่อนใน ครรภ์มารดา   ขณะที่อยู่ในครรภ์  ตัวอ่อนพัฒนา แขน ขา หู ตา   ซึ่งไม่ได้ใช้ขณะที่อยู่ใน ครรภ์ อย่างไรก็ตามหากว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้รับการพัฒนาในระหว่างที่กำลังตั้งครรภ์ เด็กก็ จะพิการเมื่อคลอดออกมา เช่นเดียวกับวิญญาณ ขณะที่อยู่ในโลกนี้และสัมพันธ์อยู่กับร่าง กาย  วิญญาณจำเป็นต้องพัฒนาบรรลุคุณธรรมต่าง ๆ  เช่น ความรัก ความเห็นอกเห็นใจ ความเอื้อเฟื้อ ฯลฯ  หากไม่ได้บรรลุคุณธรรมเหล่านี้  วิญญาณจะพิการภายหลังจากที่ร่าง กายตายไป   เมื่อเข้าไปสู่ภพแห่งวิญญาณ   เพื่อมุ่งต่อไปสู่เป้าหมายของการสมัครสมาน กับพระผู้เป็นเจ้า  วิญญาณที่ไม่ได้พัฒนาอาจเข้าไปหาพระผู้เป็นเจ้าได้   แต่การเข้าไปนี้ เป็นไปอย่างช้าๆ และขึ้นอยู่กับความปรานีของพระองค์

สวรรค์และนรก
บาไฮไม่เชื่อว่า สวรรค์และนรกเป็นสถานที่  แต่มีความเชื่อที่ว่าเป็นสภาวะและเรา สามารถอยู่ในสวรรค์หรือนรกได้ ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า  สวรรค์ คือ ภาวะอันประเสริฐที่ ได้ใกล้ชิดกับพระผู้เป็นเจ้า   และบรรลุได้โดยการเชื่อฟังพระประสงค์ของพระองค์    และ ดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระองค์   นรก คือ การอยู่ห่างไกลจากพระผู้เป็นเจ้า  ซึ่งผลที่ ตามมาคือ ความทุกข์และสิ้นหวัง

บทบาททางสังคมของศาสนาบาไฮในชีวิตของบุคคลและสังคม
ศาสนาบาไฮไม่ใช่ศาสนาส่วนบุคคล แต่เป็นวิถีการดำเนินชีวิตที่สมบูรณ์  เมื่อผู้ใด ยอมรับพระบาฮาอุลลาห์   เขาจะยอมรับคำสั่งสอนของพระองค์ด้วย   ซึ่งแสดงนัยถึงความ รับผิดชอบบางอย่าง    ประการแรก  เขาต้องรับผิดชอบต่อการพัฒนาวิญญาณของตนเอง โดยการปฏิบัติตามหลักธรรมบางข้อ   ซึ่งรวมถึง การสวดมนต์อธิษฐานประจำวัน  การถือ ศีลอด  การบริจาคให้กองทุนบาไฮ และการเข้าร่วมงานฉลองบุญ  ๑๙  วัน
ประการที่สอง  บาไฮต้องยอมรับความเป็นสากล และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในโลก  มนุษยชาติเป็นหนึ่งเดียว  และต้องไม่มีอคติ   บาไฮมีจินตภาพที่ชัดเจนว่า มนุษย ชาติของยุคใหม่จะเป็นอย่างไร    บาไฮปรารถนาจะรับใช้ และทำงาน  เพื่อสถาปนาระบบ แห่งโลกยุคใหม่นี้ ซึ่งรวมถึง ความรับผิดชอบต่อการมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชน  บาไฮผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบต่อการลงคะแนนในการเลือกตั้งบาไฮ ถ้าตนเองถูกเลือก ตนจะมีหน้าที่ รับใช้  และบาไฮทุกคนต้องเชื่อฟังคำตัดสินของธรรมสภา  ระบบบริหารนี้ที่บาไฮสนับสนุน จะนำทางและอำนวยธุรกิจต่างๆ  ในชุมชนตามที่ระบุไว้ในธรรมนิพนธ์บาไฮ   พวกเขาจะ จัดการกิจการของชุมชนวางแผนงานและพยายามแก้ไขปัญหาของแต่ละคน บทบาทของ ธรรมสภาคือพยายามค้ำจุนความสามัคคีและความปรองดองไว้ตลอดเวลา เป็นการปฏิบัติ ตามคำตักเตือนของพระบาฮาอุลลาห์ที่ว่า  " เจตนามูลฐานที่ขับเคลื่อน  ศาสนาของพระ ผู้เป็นเจ้า คือ การปกป้องประโยชน์ และส่งเสริมเอกภาพของมนุษยชาติ  และทำนุบำรุง ดวงจิตแห่ง ความรักและมิตรภาพในหมู่มนุษย์ "

บทบาททางสังคมของศาสนาบาไฮที่มีต่อชีวิตส่วนบุคคลและชุมชน
บทบาททางศีลธรรมของศาสนาบาไฮ คือ    การช่วยให้บาไฮได้เข้าใจพระประสงค์ และเจตนาของพระผู้เป็นเจ้า  สำหรับในแต่ละบุคคลนี้ หมายถึง การรู้จักและบูชาพระองค์ การบรรลุคุณธรรม มนุษยชาติรู้จักพระผู้เป็นเจ้าได้  โดยอาศัยความรู้ของพระศาสดาที่อยู่ ในธรรมนิพนธ์  พวกเขาสามารถบูชาพระองค์ได้โดยการเชื่อฟังพระประสงค์ของพระองค์ การกระทำเช่นนี้จะปรับปรุงอุปนิสัยใจคอ  และพัฒนาคุณธรรมได้มากขึ้น  เช่น  ความรัก ความเอื้อเฟื้อ ความเมตตา เป็นต้น วิญญาณของพวกเขาจะพัฒนาเตรียมพร้อมเพื่อชีวิต หน้า  และบรรลุจุดประสงค์ที่พวกเขาถูกสร้างขึ้นมาในโลกนี้  บทบาทของศาสนาบาไฮใน ชุมชนคือ  การบรรลุแผนงานของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับยุคนี้  นั่นคือ เอกภาพของโลก การ สถาปนาระบบสังคมใหม่ ซึ่งเป็นอีกขั้นหนึ่งของอารยธรรมที่ก้าวหน้าอย่างไม่มีสิ้นสุด

บทบาททางด้านจิตวิทยาของศาสนาบาไฮในชีวิตส่วนบุคคล
ปัญหาทางจิตวิทยามากมายเกิดจากความรู้สึกว่า ชีวิตนี้ไร้ประโยชน์ และไร้คุณค่า ซึ่งนำไปสู่ความสิ้นหวังความคับข้องใจ และความต้องการหนีสังคม  บางคนหนีโดยฆ่าตัว ตาย บางคนหนีไปหาสิ่งมึนเมา ยาเสพติด หรือไปหาความเพลิดเพลินที่มักจะสร้างปัญหา เพิ่มขึ้นเสียมากกว่าช่วยแก้ปัญหา  ศาสนาบาไฮช่วยให้แต่ละบุคคลเข้าใจจุดประสงค์ของ การมีชีวิตอยู่ คือ การรู้จักและบูชาพระผู้เป็นเจ้า และพัฒนาศีลธรรมของตน
ศาสนาบาไฮให้แนวทางไปสู่เป้าหมายที่มีค่า  คือ   การช่วยสถาปนาระบบแห่งโลก ใหม่ที่ดีกว่า  ดังนั้น แต่ละคนมีหลายสิ่งที่ท้าทายและกระตุ้นตนอยู่  และมีหลายอย่างที่ตน จะต้องมีชีวิตต่อไปเพื่อสิ่งนั้น  ธรรมนิพนธ์ของศาสนาบาไฮให้แนวทางทุกแง่มุมของชีวิต ดังนั้นแต่ละคนจะไม่รู้สึกสูญเสีย หรือสับสน  เราทุกคนต้องพยายามพัฒนาตัวเราเอง เพื่อ ชีวิตหลังความตาย และการพัฒนาของวิญญาณ ขึ้นอยู่กับคุณธรรมและคุณลักษณะต่าง ๆ ที่บรรลุถึงในชีวิตนี้ ความเครียดและปัญหาในชีวิต  ถือว่าเป็นการทดสอบหรือสิ่งท้าทายที่ เราจะต้องเอาชนะ ซึ่งจะช่วยพัฒนาวิญญาณ
ในระดับชุมชน สถาบันบาไฮต่าง ๆ นำทางและส่งเสริมสำนึกในความสามัคคี และ เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อบาไฮแต่ละคนจะไม่รู้สึกว้าเหว่ และไม่จำเป็นต้องหันไปทางอื่นเพื่อ หาความอุ่นใจ
 
สัญลักษณ์ที่ใช้ในศาสนาบาไฮ
ธรรมนิพนธ์บาไฮและบทอธิษฐาน เต็มไปด้วยพระนาม และคุณลักษณะมากมายที่ พาดพิงถึงพระผู้เป็นเจ้า  เช่น  พระผู้ทรงมหิทธานุภาพ พระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงอำนาจ พระผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยความรัก พระผู้ทรงรักษา เป็นต้น
พระนามที่ยิ่งใหญ่กว่าพระนามอื่นทั้งหมด ก็คือ    "บาฮา"    เป็นภาษาอาหรับที่ หมายความว่า   "ความรุ่งโรจน์"    พระนามของพระศาสดาของพระผู้เป็นเจ้ายุคนี้ คือ "บาฮาอุลลาห์"       บาฮา หมายถึง ความรุ่งโรจน์     อุลลาห์ หมายถึง พระผู้เป็นเจ้า รวมกันหมายถึง ความรุ่งโรจน์ของพระผู้เป็นเจ้า

สัญลักษณ์บาไฮ แบบที่ ๑

สัญลักษณ์บาไฮ แบบที่ ๒
บาไฮมีสัญลักษณ์อยู่  ๒  อย่าง   ที่พาดพิงถึง "พระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุด" หนึ่งคือคำว่า "ยาบาฮาอุลลาห์ภา" เขียนตามแบบแผนภาษาอาหรับ มี ความหมายว่า   "ข้าแต่พระผู้ทรงความรุ่งโรจน์ เหนือความรุ่งโรจน์"   สองเป็นสัญลักษณ์ที่แสดง ถึงความสัมพันธ์ระหว่าง    พระผู้เป็นเจ้า  กับมนุษย์
เส้นบน  หมายถึง  ภพของพระผู้เป็นเจ้า
เส้นกลาง หมายถึง  พระศาสดา
เส้นล่าง  หมายถึง  ภพของมนุษย์
เส้นแนวดิ่ง  หมายถึง  พระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่สืบมาจากพระผู้เป็นเจ้าผ่านมาทางศาสนา เพื่อจะนำพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้ามาให้มนุษย์ทราบ
ดาว ๒ ดวง บ่งบอกว่า ในยุคนี้มีพระศาสดา อยู่ ๒ พระองค์คือ พระบ๊อบ และพระบาฮาอุลลาห์
พยัญชนะในภาษาอาหรับมีค่าเป็นตัวเลขและ ค่าตัวเลขของคำว่า  "บาฮา"  เท่ากับ  เลข ๙  จึงมีความสำคัญสำหรับบาไฮ   เช่น ในปัจจุบันมีการเลือกสมาชิก  ๙  คน อยู่ในสถาบันต่าง ๆของบาไฮ
 
 
 
กำเนิดบาไฮ | การขยายศาสนา |  ระบบการบริหาร |  คำสอนบาไฮ |  นมัสการ |  การเป็นบาไฮ 
พัฒนาวิญญาณ |  ใครกำหนดอนาคต |  สักการสถานบาไฮ